ศัพท์เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม (Vocabulary
Items Related to Culture)
1. Civilization
อารยธรรม The
social process whereby societies achieve an advanced stage of development and
organization
กระบวนการทางสังคมจะบรรลุผลขั้นสูงจากการพัฒนาขององค์กร
2. Cultural stereotypes แบบแผนทางวัฒนธรรม A fixed idea that people have about
what someone or something is like, especially an idea that is wrong.
Cultural stereotypes make our understanding of
other cultures difficult.
แบบแผนทางวัฒนธรรมทำให้เกิดความเข้าใจทางวัฒนธรรมโดยเฉพาะเกี่ยวกับความคิดที่ผิดๆ
3. Cultural shock: A condition of confusion and
anxiety affecting a person suddenly exposed to an alien culture or
milieu."The first time she went to Japan, Isabel got a huge culture
shock."
ช็อตวัฒนธรรม :สภาพของความสับสนหรือตกใจของคนที่พบเห็นวัฒนธรรมที่แปลกใหม่
เช่น "ครั้งแรกที่เธอเดินไปยังประเทศญี่ปุ่น, อิซาเบลได้ช็อกวัฒนธรรมมาก."
4. Globalization: Globalization in its literal
sense is the process of transformation of local phenomena into global ones. It
can be described as a process by which the people of the world are unified into
a single society and function together. This process is a combination of
economic, technological, sociocultural and political forces.Globalization is
often used to refer to economic globalization, that is, integration of national
economies into the international economy through trade, foreign direct
investment, capital flows, migration, and the spread of technology
โลกาภิวัตน์:กระบวนการเปลี่ยนแปลงปรากฏการณ์ของคนในท้องถิ่นทั่วโลก
เป็นกระบวนการที่คนทั้งโลกมีเอกภาพในสังคมเดียวกัน
5. Stereotype : A generalized perception of first
impressions. Stereotypes, therefore, can instigate prejudice and false
assumptions about entire groups of people, including the members of different
ethnic groups, social classes, religious orders, the opposite sex, etc. A
stereotype can be a conventional and oversimplified conception, opinion, or
image, based on the assumption that there are attributes that members of the
"other group" have in common.
ต้นแบบ:ความคิดแบบดั้งเดิมและสมจริงสมจังในความคิดเห็นหรือภาพ
ขึ้นอยู่กับสมมติฐานที่มีคุณสมบัติที่สมาชิกของกลุ่ม "คนอื่น"
มีเหมือนกัน
6 .วัฒนธรรม หมายถึง
รูปแบบของกิจกรรมมนุษย์และโครงสร้างเชิงสัญลักษณ์ที่ทาให้กิจกรรมนั้นเด่นชัดและมีความสำคัญ
7 .จารีต หมายถึง
ประเพณีที่ถือสืบต่อกันมานาน.
8. ประเพณี หมายถึง
ระเบียบแบบแผนที่กำหนดพฤติกรรมในสถานการณ์ต่างๆที่คนในสังคมยึดถือปฏิบัติสืบกันมา
9 .ขนบธรรมเนียม หมายถึง
แบบอย่างที่นิยมกันมา.
10. เทศกาล หมายถึง
ช่วงเวลาที่กำหนดไว้เพื่อจัดงานบุญและงานรื่นเริงในท้องถิ่น
การเข้าสู่วัฒนธรรมใหม่ (Culture
Shock)
การที่บุคคลหนึ่งไปอยู่ในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง
ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงทั้งสภาพสังคมสิ่งแวดล้อมรวมถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างกันวัฒนธรรมเดิมที่เราคุ้นเคย
ก็อาจทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า Culture Shock ได้ การที่เราเป็นครูสอนในชั้นอนุบาลโดยปรากฎการณ์
ดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกัน Honeymoon Phase ก็เหมือนกับการฮันนีมูนที่เราจะเห็นแต่ความสวนงามราบรื่นไปเสียหมดทุกอย่างจนไม่เห็นข้อบกพร่องอะไรเลย
หรือจะเรียกว่า อาการเห่อ ก็ได้ มองว่าโรงเรียนที่เราสอนนั้นน่าอยู่มากๆ สะอาด
สวยงาม มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย นักเรียนน่ารักยิ้มแย้มแจ่มใส
รู้จักทำความเคารพ อาจารย์ท่านอื่นเป็นกันเองอัธยาสัยดี
รอบๆโรงเรียนเต็มไปด้วยต้นไม้ที่เขียวขจีร่มรื่นบรรยากาศดี เป็นต้น
ส่วนระยะต่อมาเรียกว่า Negotiation Phase หรือ Culture
Shock Phase โดยจะเกิดขึ้นหลังจากผ่านช่วง Negotiation Phase
ไปเพียงไม่นาน
ผู้ที่เข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมใหม่จะเกิดการเปรียบเทียบวัฒนธรรมใหม่กับวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนโดยมองวัฒนธรรมใหม่ในเชิงลบ
เช่น กังวลว่าเราจะปรับตัวเข้ากับโรงเรียนได้หรือเปล่า
เราจะปรับตัวเข้ากับคุณครูท่านอื่นยังไงจะวางตัวยังไง และที่สำคัญคือเราจะปรับตัวเข้ากับเด็กปฐมวัยได้อย่างไรให้เป็นที่รักของเด็กๆ
เพราะว่าเด็กแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันออกไปบางคนขี้น้อยใจ
บางคนก็ชอบให้เอาอกเอาใจ
และกังวลว่าเราจะสอนเด็กอย่างไรจะใช้สื่อการสอนแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับเด็กแต่ละวัยเพราะเด็กปฐมวัยแต่ละคนก็มีพัฒนาการที่แตกต่างกันออกไปบางคนมีพัฒนาการช้าบางคนมีพัฒนาการเร็วเราก็ต้องรู้จักวิธีที่จะเพิ่มความรู้ให้กับเด็กก็คือ
การสอนเด็กจากสื่อต่างๆให้เด็กได้เรียนรู้และทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันเพื่อให้เด็กที่มีพัฒนาการช้าได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกับเพื่อนเราก็ต้องเพิ่มเติมและพัฒนาเด็กไปอย่างช้าๆเท่าที่เด็กจะรับไหว
ช่วงนี้จะเกิดอารมณ์แปรปรวนมากเพราะกังวลขาดความมั่นใจในตนเองโดยอากรเหล่านี้อาจเป็นอยู่ในช่วงแรกที่เราไปฝึกสอนประมาณในช่วง
1-2 เดือน
หลังจากนั้นก็จะค่อยๆเริ่มปรับตัวเข้ากับโรงเรียนเข้ากับครูเข้ากับเด็กปฐมวัย
และสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวได้
หลังจากหมดระยะนี้ก็จะมาถึงระยะสุดท้ายที่เริ่มปรับตัวได้ คือ Adjustment
Phaseการเป็นครูอนุบาลเราเริ่มปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและสังคมในโรงเรียนที่ฝึกสอนได้เป็นอย่างดี
ไร้อคติกับเด็กๆ และสามารถเป็นครูที่ดีเป็นที่รักของเด็กๆได้ แต่ถ้าเราต้องเปลี่ยนโรงเรียนฝึกสอนใหม่จะเรียกว่า
Reverse Culture Shock เมื่อเกิดความเคยชินกับวัฒนธรรมและสังคมใหม่แล้ว
จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ยาก เช่น รู้สึกไม่ชินกับโรงเรียนใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
ที่มีนักเรียนเยอะกว่าเดิม มีสิ่งแวดล้อมและสังคมของเด็กที่แตกต่างกันออกไป และเราก็ต้องขยันหาสื่อการสอนที่น่าสนใจและจัดห้องเรียนที่มีบรรยากาศที่อบอุ่นเพื่อกระตุ้นให้เด็กๆสนใจในที่อยากจะเรียนและทำตัวให้เป็นกันเองสำหรับเด็ก
แค่นี้การสอนครั้งนี้ก็จะราบรื่นอีกด้วย
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น